เมื่อพูดถึงการเก็บอาจจะดูเป็นเหมือนเรื่องที่ดูง่าย แต่พอได้เริ่มทำจริงแล้วกลับกลายเป็นว่าไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่องเสียอย่างนั้น การออมที่จะได้ผลดีต้องอาศัยความสม่ำเสมอและความใจแข็งในการใช้จ่ายเสียหน่อย และเมื่อตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะเก็บออมนั้น สิ่งที่ต้องรู้อีกอย่างคือนิสัยการใช้เงินของตัวเอง แล้วหาตัวช่วยในการเก็บเงินที่หามาได้อย่างยากลำบาก และตัวช่วยที่ว่านั้นคือหลักการเก็บเงินแบบ Kakeibo สุดคลาสสิคของชาวญี่ปุ่นนั่นเอง.
หลักคิดของ ‘Kakeibo’.หลักการคิดของคะเคโบะ จะเน้นไปที่การได้คุยกับตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจซื้อของ เพื่อตัดสินใจว่าของชิ้นที่จะซื้อนั้นจำเป็นจริงๆ หรือเพียงแค่อยากได้ โดยการตอบคำถามง่ายๆ เหล่านี้.
– ถ้าไม่มีของชิ้นนี้สามารถอยู่ได้หรือไม่?
– สถานการณ์ทางการเงินตอนนี้สามารถซื้อได้หรือไม่?
– จะใช้สินค้าชิ้นนี้จริงๆ หรือไม่?
– มีพื้นที่พอสำหรับของชิ้นหรือไม่?
– เจอสินค้าชิ้นนี้ได้อย่างไร?
– อารมณ์ในวันนี้เป็นอย่างไร?
– เมื่อได้ซื้อมาแล้วจะรู้สึกอย่างไร?.
ขั้นตอนการเก็บเงินแบบคะเคโบะ.การเขียนคะเคโบะเริ่มได้จากการเตรียมสมุดและปากกาให้พร้อม (หรือจะใช้แอปพลิเคชันในการจดบันทึกก็ได้ ขอเพียงแค่ไม่ลืมก็พอ) จากนั้นลองนึกดูว่าที่ผ่านมานั้น มีรายรับมาเท่าไร แล้วได้ใช้จ่ายอะไรไปเท่าไรบ้าง จากนั้นก็เริ่มลงมือจดลงไป ดังนี้.
1. จดรายได้ทั้งหมดบันทึกรายได้ทั้งหมดที่ได้รับมาในแต่ละเดือน ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนจากงานประจำหรืองานเสริมก็บันทึกลงไปให้ครบ.
2. จดค่าใช้จ่ายประจำที่แน่นอนบันทึกค่าใช้จ่ายประจำที่ต้องจ่ายในทุกๆ เดือน เช่น ค่าเช่าบ้าน, ค่าเดินทาง, ค่าอาหาร, ค่าโทรศัพท์ และหนี้สินต่างๆ.
3. หาจำนวนเงินที่เหลือหักค่าใช้จ่ายประจำออกจากรายรับ เพื่อดูว่าจำนวนเงินที่เหลือหลังหักค่าใช้จ่ายประจำแล้วมีเท่าไร เพื่อนำมาวางแผนการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันต่อไป.
4. ตั้งเป้าหมายจำนวนเงินออมเมื่อที่รู้ว่ามีเงินเหลือท่าไรจากการหักค่าใช้จ่ายประจำแล้ว จากนั้นเริ่มกำหนดเป้าหมายในใช้จ่ายและเก็บออม ในขั้นเริ่มแรกของการเก็บอาจจะเริ่มตั้งจากจำนวนน้อยๆ ก่อน เมื่อคุ้นชินแล้วจึงค่อยๆ เพิ่มเป้าหมายในการออมทีละนิดให้เป็นการท้าทายตัวเองเล็กๆ เพื่อการออมเงินจะได้สนุกขึ้น (หรือเปล่า).
5. ระบุหมวดหมู่การใช้จ่ายเมื่อได้รู้แล้วค่าใช้จ่ายประจำต่อเดือน เงินที่เหลือจากการค่าใช้จ่ายประจำ และเป้าหมายการออมอย่างชัดเจนแล้ว หลังจากนั้น เมื่อใช้จ่ายอะไรไป ก็จดค่าใช้จ่ายทั้งหมดนั้น โดยแยกออกเป็นหมวดๆ (ในการจัดหมวดหมู่ก็สามารถแยกย่อยไปได้อีกเพื่อความชัดเจนและเข้าใจง่าย).
6. การสรุปประจำเดือนเมื่อถึงสิ้นเดือนก็มาสรุปจากสิ่งที่ได้บันทึกไป ว่าใช้อะไรไปเท่าไรและได้ทำตามที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ หรือว่ามีจุดใดที่มีปัญหา ซึ่งในขั้นตอนนี้สามารถสรุปได้โดยตอบคำถามต่อไปนี้.
– มีเงินออมอยู่เท่าไร?
– ต้องการออมเงินเท่าเท่าไร?
– ใช้เงินไปเท่าไร?
– จะปรับเปลี่ยนการใช้จ่ายอย่างไร? เพื่อให้การออมดีขึ้น.
เมื่อตอบคำถาม 4 ข้อนี้ได้แล้ว ก็จะทำให้ได้รู้จักการใช้จ่ายของตัวเอง และได้รู้ว่าควรจะปรับนิสัยทางการเงินอย่างไร และเริ่มใหม่ในครั้งต่อไป.
7. บันทึกรายรับรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอแม้การบันทึกคะเคโบะในช่วงแรกจะค่อนข้างจุกจิกไปบ้าง แต่เมื่อทำจนคุ้นเคยแล้ว รับรองได้เลยว่าจะช่วยให้การเก็บเงินนั้นได้ผลดีอย่างแน่นอน แถมยังช่วยให้มีเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้อย่างง่ายดาย และทำให้เป็นคนที่มีวินัยและรู้จักตัวเองมากขึ้นอีกด้วย